พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [10. สังคีติสูตร] สังคีติหมวด 7
11
ทักขิเณยยบุคคล (บุคคลผู้ควรแก่ทักษิณา) 7
1. อุภโตภาควิมุต1 (ผู้หลุดพ้นทั้ง 2 ส่วน)
2. ปัญญาวิมุต2 (ผู้หลุดพ้นด้วยปัญญา)
3. กายสักขี3 (ผู้เป็นพยานในนามกายด้วยกาย)
4. ทิฏฐิปัตตะ4 (ผู้บรรลุสัมมาทิฏฐิ)
5. สัทธาวิมุต5 (ผู้หลุดพ้นด้วยศรัทธา)
6. ธัมมานุสารี6 (ผู้แล่นไปตามธรรม)
7. สัทธานุสารี7 (ผู้แล่นไปตามศรัทธา)
12
อนุสัย8 (กิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน) 7
1. กามราคานุสัย (อนุสัยคือความกำหนัดในกาม)
2. ปฏิฆานุสัย (อนุสัยคือความยินร้าย)
3. ทิฏฐานุสัย (อนุสัยคือความเห็นผิด)
4. วิจิกิจฉานุสัย (อนุสัยคือความลังเลสงสัย)
5. มานานุสัย (อนุสัยคือความถือตัว)
6. ภวราคานุสัย (อนุสัยคือความติดใจในภพ)
7. อวิชชานุสัย (อนุสัยคือความไม่รู้แจ้ง)
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฎิกวรรค [10. สังคีติสูตร] สังคีติหมวด 7
13
สังโยชน์1 (กิเลสเครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ) 7
1. อนุนยสังโยชน์ (สังโยชน์คือความยินดี2)
2. ปฏิฆสังโยชน์ (สังโยชน์คือความยินร้าย)
3. ทิฏฐิสังโยชน์ (สังโยชน์คือความเห็นผิด)
4. วิจิกิจฉาสังโยชน์ (สังโยชน์คือความลังเลสงสัย)
5. มานสังโยชน์ (สังโยชน์คือความถือตัว)
6. ภวราคสังโยชน์ (สังโยชน์คือความติดใจในภพ)
7. อวิชชาสังโยชน์ (สังโยชน์คือความไม่รู้แจ้ง)
14
อธิกรณสมถธรรม3 (ธรรมเป็นเครื่องระงับอธิกรณ์) 7
เพื่อระงับ เพื่อดับอธิกรณ์4ทั้งหลายที่เกิดขึ้นแล้ว ๆ
1. สงฆ์พึงให้สัมมุขาวินัย5
2. สงฆ์พึงให้สติวินัย6